มะเร็งปากมดลูก ภัยเงียบที่อันตราย
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งชนิดเดียวทางนรีเวช ที่สามารถตรวจคัดกรองพบจะป้องกันและรักษาให้หายได้ โดยตรวจภายในเป็นประจำ และปัจจุบันยังสามารถตรวจคัดกรองมะเร็งเชิงลึกแบบ HPV DNA เพื่อหาเชื้อต้นเหตุก่อโรคของมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งยังมี วัคซีน HPV ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อก่อโรคมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย
ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ตั้งแต่เรามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และเกือบ 100% ของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV เพราะเป็นเชื้อที่ติดง่าย นอกจากเพศสัมพันธ์แล้ว ยังสามารถติดต่อทางการสัมผัสได้ด้วย (แต่จะเป็นลักษณะเหมือนพาหะที่นำพาเชื้อไปสู่ช่องคลอดได้) แต่พอติดเชื้อแล้วกลับไม่มีอาการ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่มีบาดแผลอะไรเกิดขึ้น แต่เกิดความผิดปกติระดับเซลล์ ซึ่งใช้เวลานานหลายปี ก่อนกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีคู่นอนหลายคน
- ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- การสูบบุหรี่
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น โรคหนองใน โรคติดเชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ และโรคซิฟิลิส
- ผู้ที่ไม่เคยตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกมีกี่ระยะ?
ระยะของโรคมะเร็งปากมดลูก แบ่งออกเป็น ระยะก่อนมะเร็ง และระยะลุกลาม
ระยะก่อนมะเร็ง หรือระยะลุกลาม ระยะนี้เซลล์มะเร็งยังอยู่ภายใจชั้นเยื่อบุผิวปากมดลูก ไม่ลุกลามเข้าไปในเนื้อปากมดลูก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติเลย แต่ตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยา หรือ ตรวจแพปสเมียร์ (Pep Smear)
ระยะลุกลาม แบ่งออกเป็น 4 ระยะย่อย คือ
- ระยะที่ 1 มะเร็งลุกลามอยู่ภายในปากมดลูก
- ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามไปที่เนื้อเยื่อข้างปากมดลูก และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนบน
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปที่ด้านข้างของเชิงกราน และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนล่าง หรือกดท่อไตจนเกิดภาวะไตบวมน้ำ
- ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ ไส้ตรง หรืออวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด กระดูก และต่อมน้ำเหลืองนอกเชิงกราน เป็นต้น
สัญญาณเตือน อาการมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก มักไม่แสดงอาการในระยะแรก หมั่นสังเกตอาการของตนเอง
ตกขาวผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด มีตกขาวมากกว่าปกติ หรือตกขาวมีเลือดปน
- เลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกหลังจากหมดประจำเดือน
- ปวดท้องน้อย ปวดบริเวณหัวหน่าว
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะ/อุจจาระปนเลือด
- ปัสสาวะไม่ค่อยออก ปวดบวม
- ปวดหลัง ขาบวม ไตวาย (กรณีที่มะเร็งมีระยะลุกลามรุนแรง)
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
มะเร็งปากมดลูก ตรวจ = ป้องกัน
หนึ่งในวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปากมดลูก และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 2-3 ปี สามารถตรวจคัดกรองได้โดย แพปสเมียร์ (Pap Smear) และการตรวจหาเชื้อ HPV
วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV
สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในการฉีดวัคซีนจะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และจะต้องฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน วัคซีนนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อฉีดให้กับเด็กผู้หญิง หรือสตรีที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ และหากเป็นสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว วัคซีนจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ที่ยังไม่มีการติดเชื้อ HPV หรือไม่มีเซลล์ผิดปกติ
ติดตามช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 3
Facebook : https://www.facebook.com/bangpakok3
LINE O/A : https://page.line.me/947ptrfh
YouTube : https://shorturl.asia/qjUJc
TikTok : https://shorturl.asia/dP5Z0