Bangpakok Hospital

3โรคภายในผู้หญิงที่ต้องระวัง

3 มี.ค. 2566


โรคที่ 1 : โรคมะเร็งเต้านม

เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของผู้หญิงไทย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในผู้หญิง แนวโน้มคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้นทุกปี มะเร็งเต้านมเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่อยู่ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม เซลล์เหล่านี้มีการแบ่งตัวผิดปกติไม่สามารถควบคุมได้อาจมีการแพร่กระจายไปตามทางเดินน้ำเหลือง ไปสู่ต่อมน้ำเหลือง หรือแพร่กระจายไปสู่อวัยวะที่อยู่ห่างไกลเช่น กระดูก ปอด ตับ เป็นต้น การตรวจพบมะเร็งในระยะแรกจะช่วยให้การรักษามีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง

บางครั้งผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม อาจไม่มีอาการ และมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด (มีเพียงร้อยละ10 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดเต้านม) ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้

  • มีก้อนหนาๆ ในเต้านมหรือใต้แขน
  • บริเวณหัวนมบุ๋ม หรือเต้านมมีรูปร่างผิดไปจากเดิม
  • มีน้ำเหลืองหรือน้ำเลือดไหลออกจากหัวนมหรือมีแผลบริเวณเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลบริเวณหัวนมและรอบหัวนม
  • เต้านมมีผื่น แดง ร้อน ผื่นคล้ายผิวส้ม
  • อาการปวดบริเวณเต้านม
  • ไม่มีอาการผิดปกติ แต่พบรอยโรคจากการตรวจแมมโมแกรมหรืออัลตร้าซาวนด์เต้านม

โรคที่ 2 : โรคมะเร็งปากมดลูก

เกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกซึ่งอยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูกและเชื่อมต่อกับช่องคลอด โรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดฮิวแมนแปปปิโลมาไวรัส (Human Papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งมักจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ HPV เป็นครั้งแรก ระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามเชื้อ HPV อาจทำให้เซลล์ที่ปากมดลูกเกิดความผิดปกติและกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเพื่อป้องกันเชื้อ HPV จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

ในระยะแรกที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมักจะไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ แต่ในภายหลังเมื่อเริ่มเป็นหนักมากขึ้นร่างกายจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือตกขาวผิดปกติ และอาจมีอาการปวดร่วมด้วยได้ดังต่อไปนี้

  • ประจำเดือนมามาก หรือนานกว่าปกติ
  • มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • การสูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

โรคที่ 3 : โรคช็อกโกแลตซีสต์

ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ (Endometriosis)” นึกถึงตัวมดลูกเปรียบได้กับชมพู่ เยื่อบุโพรงมดลูกก็คือเนื้อนิ่มๆ ด้านในของชมพู่ ที่เป็นเยื่อๆใยๆ เมื่อคุณผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบางๆ เหล่านี้ก็จะลอกออกและปนมากับเลือดประจำเดือนที่ออกมาทางช่องคลอด แต่ทีนี้จะมีเลือดส่วนหนึ่งไม่ได้ออกมาด้วยแต่ไหลย้อนไปยังท่อนำไข่ และจะไปตกอยู่ในท้องซึ่งเลือดที่ไหลย้อนกลับนี้ก็จะมีเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ด้วย ซึ่งเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกนี้จะเหมือนเมล็ดพืช คือจะค่อยๆ เติบโต และค่อยๆ ขยายกลายเป็นถุงน้ำ หากฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก เป็นต้น แต่บริเวณที่จะพบถุงน้ำได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน

ช็อกโกแลตซีสต์เป็นโรคที่พบบ่อยในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ส่วนอาการของช็อกโกแลตซีสต์ ไม่ใช่อาการเฉพาะเจาะจงอาจพบในโรคอื่นได้เหมือนกัน โดยมากอาการของช็อกโกแลตซีสต์ มักจะได้แก่ดังต่อไปนี้

  • ปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุกๆ เดือน โดยจะปวดท้องด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ
  • อาจปวดท้องประจำเดือนจนเป็นลม
  • มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องอืด ท้องเสีย
  • ปวดมากเวลาขับถ่าย ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปวดเสียดในท้อง
  • ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา

ติดตามช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 3

Facebook : https://www.facebook.com/bangpakok3

LINE O/A : https://page.line.me/947ptrfh

YouTube : https://shorturl.asia/qjUJc

TikTok : https://shorturl.asia/dP5Z0

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.