ภาวะครรภ์เป็นพิษภัยเงียบที่คุณแม่ต้องระวัง
ในคุณแม่ 100 คน จะมีคุณแม่ครรภ์เป็นพิษถึง 4 คน โดยที่มี 80% อาการไม่รุนแรง และอีก 20% จะมีอาการรุนแรงมาก ซึ่งครรภ์เป็นพิษมักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป
ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งมักจะมีอาการในช่วงอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ขึ้นไป โดยระดับของภาวะครรภ์เป็นพิษแบ่งเป็น 3 ระดับ
1.ระดับไม่รุนแรง มารดาจะมีความดันโลหิตขึ้นสูง 140/90 mmHg
มีอาการบวมปานกลาง และตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
2.ระดับรุนแรง มารดาจะมีความดันโลหิตขึ้นสูง 160/110 mmHg
มารดาจะมีอาการปวดศีรษะมาก ตามัว จุกเสียดแน่นบริเวณลิ้นปี่ เกล็ดเลือดต่ำ มีภาวะเม็ดเลือดแตก บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นมีภาวะน้ำท่วมปอดหรือมีเลือดออกในสมอง
3.ระดับรุนแรงเกิดอาการชัก เป็นระยะที่รุนแรงที่สุดและมักเกิดตามหลังครรภ์เป็นพิษรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์ ผู้ป่วยจะมีอาการชัก เกร็ง หรือหมดสติ อาจทำให้แม่และเด็กในครรภ์ได้รับความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้
สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ อาจเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
1.ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความผิดปกติ
2.หลอดเลือดบริเวณรกมีความผิดปกติ กรรมพันธุ์
3.มีโรคประจำตัวเรื้อรังก่อนตั้งครรภ์
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดครรภ์เป็นพิษ
- ผู้เป็นโรคอ้วน ซึ่งทำให้เกิดภาวะหัวใจตีบได้ง่าย
- มีกรรมพันธุ์พบว่าคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน
- ผู้ตั้งครรภ์ฝาแฝด หรือตั้งครรภ์มากกว่า 1 คน
- ผู้ตั้งครรภ์ตอนมีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้มีบุตรยาก
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ โรคไต โรคความดันโลหิตสูง
ดังนั้นในระหว่างตั้งครรภ์ควรหมั่นดูแลสุขภาพและสังเกตอาการต่างๆ
ถ้ามีภาวะความดันโลหิตขึ้นสูงมากผิดปกติ ปวดศีรษะมาก ตามัว หรือมีสิ่งผิดปกติอื่นๆ
ให้รีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากการตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรก สามารถให้การดูแลรักษาอย่างปลอดภัยได้
ดังนั้นแนะนำว่าควรฝากครรภ์ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ งดทำงานหนัก พักผ่อนให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ดื่มน้ำสะอาดให้มาก เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
สำหรับภาวะครรภ์เป็นพิษจะมีอาการดีขึ้นหลังจากการคลอด แต่ยังมีโอกาสชักได้อยู่ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด โดยในช่วงหลังคลอดมารดาอาจยังมีภาวะความดันโลหิตสูง แต่หากเกิน 12 สัปดาห์ไปแล้ว ยังคงมีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่ มารดาอาจจะเป็นภาวะความดันโลหิตสูงชนิดเรื้อรังได้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณที่มาข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
ติดตามช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 3
Facebook : https://www.facebook.com/bangpakok3
LINE O/A : https://page.line.me/947ptrfh
YouTube : https://shorturl.asia/qjUJc
TikTok : https://shorturl.asia/dP5Z0