Bangpakok Hospital

วัณโรค ตรวจก่อน รู้ก่อน ป้องกันได้

25 มี.ค. 2568


วัณโรค

อาการวัณโรคแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะแฝง (Latent TB) และระยะแสดงอาการ (Active TB) โดยในระยะแรกจะสังเกตได้ยากเพราะอาการจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ไปจนถึงหลายปีกว่าจะแสดงอาการให้เห็น

ระยะแฝง (Latent TB) เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแล้วจะยังไม่แสดงอาการใดๆ โดยเชื้อจะซ่อนอยู่ภายในร่างกาย จนกว่าร่างกายจะอ่อนแอ จะก่อให้เกิดอาการที่ชัดเจนได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยมีการตรวจพบในช่วงระยะแฝง แพทย์จะรักษาโดยการควบคุมการแบ่งตัวของเชื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงที่โรคจะเข้าสู่ระยะแสดงอาการ

ระยะแสดงอาการ (Active TB) ระยะที่เชื้อได้รับการกระตุ้นจนทำให้แสดงอาการต่างๆ ได้ชัดเจน เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเจ็บเวลาหายใจหรือไอ อ่อนเพลีย มีไข้ หนาวสั่น มีอาการเหงื่อออกในเวลากลางคืน น้ำหนักลด หรือเบื่ออาหาร

ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบอาจมีอาการดังต่อไปนี้: 

มีอาการไอเรื้อรังยาวนานถึง 3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น

  • ไอแล้วเสมหะมีเลือดปนออกมา
  • มีอาการเจ็บหน้าอก ขณะหายใจหรือไอ
  • มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
  • มีน้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอาการอ่อนเพลีย
  • มีไข้ หรือมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน
  • รู้สึกหนาวสั่น
  • รู้สึกไม่อยากอาหาร

โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต

สาเหตุของวัณโรคปอด

โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคปอดมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ที่ทำให้เกิดโรค ที่รับผ่านกันมาจากละอองฝอยทางอากาศ วัณโรคเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะติดโรคจากคนใกล้ชิดหรือคนที่ทํางานด้วยกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จะได้รับเชื้อและเกิดวัณโรคง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอกจากนี้ เชื้อวัณโรคบางชนิดมีการดื้อยา โดยเฉพาะกลุ่มยาไอโซไนอาซิดและไรแฟมพิซิน

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดวัณโรคปอดมีอะไรบ้าง

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดวัณโรคปอดมีหลายอย่าง เช่น: 

  • มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากมีโรคบางอย่างหรือเข้ารับการรักษาบางประเภท เช่น เป็นเอดส์ หรือ กำลังทำเคมีบําบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
  • เดินทางหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดวัณโรคสูง
  • กำลังใช้สารบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
  • ไม่มีบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ผู้ป่วยได้เข้าใช้บริการ
  • อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค เช่น กำลังอาศัยอยู่หรือเคยทำงานในสถานพยาบาล หรือกำลังอาศัยอยู่ในหรืออพยพมาอยู่ในประเทศที่มีการติดเชื้อวัณโรคสูง หรือกำลังอาศัยอยู่กับผู้ที่ติดเชื้อวัณโรค

การวินิจฉัย โรควัณโรคปอด

  • การซักประวัติและการตรวจร่างกาย เช่นการคลำบริเวณต่อมน้ำเหลือง ฟังเสียงในปอด
  • X-Ray ปอด
  • การตรวจเสมหะ (Sputum AFB)

การรักษา

  • สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา

การป้องกัน

  • การป้องกันตนให้ห่างไกลจากวัณโรค คือ
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อให้ภูมิต้านทานแข็งแรงต่อสู้กับเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
  • ผู้ที่มีอาการไอ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย
  • หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

 ที่มาข้อมูล : กรมควบคุมโรค, กองวัณโรค

ติดตามช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 3

Facebook : https://www.facebook.com/bangpakok3

LINE O/A : https://page.line.me/947ptrfh

YouTube : https://shorturl.asia/qjUJc

TikTok : https://shorturl.asia/dP5Z0

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.